เมนู

คาถาธรรมบท



มรรควรรคที่ 20

1

ว่าด้วยมรรคมีองค์ 8 ประเสริฐ



[30] 1. บรรดาทางทั้งหลาย ทางมีองค์ 8 ประเสริฐ
บรรดาสัจจะทั้งหลาย บท 4 ประเสริฐ บรรดาธรรม
ทั้งหลาย วิราคะประเสริฐ บรรดาสัตว์ 2 เท้า และ
อรูปธรรมทั้งหลาย พระตถาคตผู้มีจักษุประเสริฐ
ทางนี้เท่านั้นเพื่อความหมดจดแห่งทัสสนะ ทางอื่น
ไม่มี เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงดำเนินตามทางนี้
เพราะทางนี้เป็นที่ยังมารและเสนามารให้หลง ด้วยว่า
ท่านทั้งหลายดำเนินไปตามทางนี้แล้ว จักทำที่สุดแห่ง
ทุกข์ได้ เราทราบทางเป็นที่สลัดลูกศรแล้ว จึงบอก
แก่ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงทำความเพียร
เครื่องเผากิเลส พระตถาคตทั้งหลายเป็นแต่ผู้บอก
ชนทั้งหลายผู้ดำเนินไปแล้ว มีปกติเพ่งพินิจ ย่อม
หลุดพ้นจากเครื่องผูกของมาร.

2. เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า สังขาร
ทั้งปวงไม่เที่ยง เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์ ความ
หน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด.

เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า สังขาร
ทั้งปวงเป็นทุกข์ เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์ ความ

1. วรรคนี้ มีอรรถกถา 10 เรื่อง.

หน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด.
เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรม
ทั้งปวงเป็นอนัตตา เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์ ความ
หน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด.
3. ก็บุคคลยังหนุ่มแน่นมีกำลัง (แต่) ไม่ขยัน
ในกาลที่ควรขยัน เข้าถึงความเป็นผู้เกียจคร้าน มีใจ
ประกอบด้วยความดำริอันจมแล้ว ขี้เกียจ เกียจคร้าน
ย่อมไม่พบทางด้วยปัญญา.
4. บุคคลผู้มีปกติรักษาวาจา สำรวมดีแล้วด้วย
ใจ และไม่ควรทำอกุศลด้วยกาย พึงยังกรรมบถ
ทั้งสามเหล่านี้ให้หมดจด ทั้งยินดีทางที่ท่านผู้แสวง
หาคุณประกาศแล้ว.
5. ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล ความ
สิ้นไปแห่งปัญญา เพราะการไม่ประกอบ บัณฑิต
รู้ทาง 2 แพร่งแห่งความเจริญ และความเสื่อมนั่น
แล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้.
6. ท่านทั้งหลายจงตัดกิเลสดุจป่า อย่าตัด
ต้นไม้ ภัยย่อมเกิดแต่กิเลสดุจป่า ภิกษุทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายจงตัดกิเลสดุจป่า และดุจหมู่ไม้ตั้งอยู่
ในป่าแล้ว เป็นผู้ไม่มีกิเลสดุจป่าเถิด เพราะกิเลสดุจ
หมู่ไม้ตั้งอยู่ในป่า ถึงมีประมาณนิดหน่อยของนรชน

ยังไม่ขาด ในนารีทั้งหลายเพียงใด เขาเป็นเหมือน
ลูกโคที่ยังดื่มน้ำนม มีใจปฏิพัทธ์ในมารดาเพียงนั้น.

7. เธอจงตัดความเยื่อใยของตนเสีย เหมือน
บุคคลถอนดอกโกมุท ที่เกิดในสรทกาลด้วยมือ จง
เจริญทางแห่งสันติทีเดียว (เพราะ) พระนิพพานอัน
พระสุคตแสดงแล้ว.

8. คนพาลย่อมคิดว่า เราจักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดู
ฝน จักอยู่ในที่นี้ในฤดูหนาวและฤดูร้อน หารู้อันตราย
ไม่.

9. มัจจุพานระนั้น ผู้มัวเมาในบุตรและปศุสัตว์
ผู้มีใจข้องรนอารมณ์ต่าง ๆ ไป เหมือนห้วงน้ำใหญ่
พัดพาเอาชาวบ้านผู้หลับไปฉะนั้น.

10. บัณฑิตทราบอำนาจเนื้อความว่า บุตรทั้ง-
หลาย ย่อมไม่มีเพื่อต้านทาน บิดาและพวกพ้องทั้ง-
หลายก็ไม่มีเพื่อต้านทาน เมื่อบุคคลถูกความตาย
ครอบงำแล้ว ความต้านทานในญาติทั้งหลายย่อมไม่มี
ดังนี้แล้ว เป็นผู้สำรวมในศีล พึงชำระทางเป็นที่ไป
พระนิพพานให้หมดจดพลันทีเดียว.

จบมรรควรรคที่ 20

20. มรรควรรควรรณนา



1. เรื่องภิกษุ 500 รูป [204]



ข้อความเบื้องต้น



พระศาสดา เมื่อประทับในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุ 500 รูป
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "มคฺคานฏฺฐงฺคิโก" เป็นต้น.

พวกภิกษุพูดถึงทางที่ตนเที่ยวไป


ดังได้สดับมา ภิกษุเหล่านั้น เมื่อพระศาสดาเสด็จเที่ยวจาริกไปใน
ชนบทแล้วเสด็จมาสู่กรุงสาวัตถีอีก, นั่งในโรงเป็นที่บำรุง พูดมรรคกถา
ปรารภทางที่ตนเที่ยวไปแล้ว โดยนัยเป็นต้นว่า " ทางแห่งบ้านโน้นจาก
บ้านโน้นสม่ำเสมอ, ทางแห่งบ้านโน้น (จากบ้านโน้น ) ไม่สม่ำเสมอ, มี
กรวด, ไม่มีกรวด."

อริยมรรคเป็นทางให้พ้นทุกข์


พระศาสดา ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งพระอรหัตของภิกษุเหล่านั้น เสด็จ
มายังที่นั้นแล้ว ประทับนั่งเหนืออาสนะที่เขาปูไว้ ตรัสถามว่า " ภิกษุ
ทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยกถาอะไรเล่า ?" เมื่อภิกษุ
เหล่านั้นกราบทูลว่า " ด้วยกถาชื่อนี้," ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ทางที่
พวกเธอพูดถึงนี้ เป็นทางภายนอก ธรรมดาภิกษุทำกรรมในอริยมรรค
จึงควร, (ด้วยว่า) ภิกษุเมื่อทำอย่างนั้น ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้" ดังนี้
แล้ว ได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า:-.